สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลหลักๆ หลังจากบารัค โอบามา ออกมาสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 7 แสนล้านดอลลาร์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange ) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 857.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 21.70 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 843.50-885.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 11.270 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 22.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.2 เซนต์ ปิดที่ 1.4590 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 957.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 10.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 184.95 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 7.35 ดอลลาร์
แมทท์ เซมาน นักวิเคราะห์จากบริษัท ลาซาล ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า "ราคาทองคำมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อทิศทางสกุลเงินดอลลาร์ เพราะเมื่อสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจะทำให้สัญญาทองคำมีราคาแพงขึ้นด้วย จึงทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อและเทขายสัญญาที่อยู่ในมือ นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักกับสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมากกว่าข่าวการสู้รบระหว่างกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์"
อิสราเอลได้ขยายขอบข่ายการโจมตีในเมืองกาซา จากการโจมตีทางอากาศสู่ทางบกด้วยทหารหลายพันนาย เพื่อหยุดยั้งไม่ให้กลุ่มฮามาสยิงจรวดโจมตีเมืองทางภาคใต้ของอิสราเอล โดยตลอด 9 วันที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. อิสราเอลถูกขีปนาวุธยิงถล่มถึง 500 ลูก ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน และเสียชีวิต 4 คน อย่างไรก็ตาม การโต้กลับของอิสราเอลผ่านปฏิบัติการทางบกทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 56 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาทั้งหมดพุ่งเป็น 514 รายแล้ว