นายเกษม สถิรเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอเอ ฟิวเจอร์ จำกัด หรือ TAA โบรกเกอร์ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET เปิดเผยว่า ปี 52 จะรุกทำตลาดทั้งกลุ่มนักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร (Hedger) ให้มากขึ้น รองรับการเติบโตของตลาด และจากจุดแข็งของบริษัทที่มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายทั้งพ่อค้าและลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายย่อย โดยตั้งเป้าหมายว่าจะขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 30%
ทั้งนี้ได้เน้นการบริการนักลงทุนที่หลายหลาย รวดเร็ว ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เข้าถึงความต้องการนักลงทุนให้มากที่สุด รวมถึงเน้นทีมวิเคราะห์ที่เปิดสาย Hot line ให้คำแนะนำการลงทุนใกล้ชิดตลอดช่วงเวลาซื้อขาย
สำหรับแนวโน้มของตลาด AFET ในปี 2552 คาดว่ามีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มเดิมรู้จักและเข้าใจประโยชน์ของการลงทุนใน AFET มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อค้า, ผู้ส่งออก และผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกษตร ได้เห็นข้อดีของตลาด AFET มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมามีปัจจัยลบเข้ามากระทบภาวะเศรษฐกิจ ทั้งจากภายในประเทศ และจากต่างประเทศ ซึ่งภาวะการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ คอมมอนิตี้ ราคาปรับลดลงทั่วโลก ราคายางพาราในบ้านเราได้รับผลกระทบตามด้วยเช่นกัน โดยราคายางในตลาดลดลงเกินกว่าครึ่ง จาก 90 บาท เหลือต่ำสุดที่ประมาณ 38 บาท หากกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยางใช้กลไกตลาด AFET มาขายล่วงหน้าในตลาด ประกันความเสี่ยงในเรื่องของการแกว่งตัวขึ้นลงของราคา จะทำให้ได้รับประโยชน์โดยตรง โดยได้กำไรจากตลาดล่วงหน้า มาชดเชยกับผลขาดทุนในตลาดจริง
นายเกษม กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยรู้จักตลาดฟิวเจอร์มากขึ้น ทั้งจาก TFEX ที่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น Single Stock Futures หรือ Gold Futures ที่จะเข้ามาซื้อขายในเร็วๆ นี้ ทำให้ นักลงทุนเข้าใจคอนเซ็ป หรือวิธีการลงทุนฟิวเจอร์มากขึ้น ซึ่ง ตลาด AFET หรือ ฟิวเจอร์สินค้าเกษตร ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งของนักลงทุนกลุ่มนี้
"เรามีกลุ่มลูกค้าที่ลงทุนใน TFEX มาก่อน แล้วมาเปิดบัญชีลงทุน AFET ควบคู่กันไป หลายคนบอกว่า AFET ลงทุนไม่ยากอย่างที่คิด" นายเกษม กล่าว