สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 หลังมีกระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเลวร้ายลงอีก ซึ่งภาวะดังกล่าวจะฉุดรั้งความต้องการน้ำมันในสหรัฐที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 7.23 น.ตามเวลาในสิงคโปร์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.พ.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกเคลื่อนไหวแตะที่ 48.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นสูงสุด 35 เซนต์ แตะที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันร่วงลง 23 เซนต์ไปอยู่ที่ระดับ 48.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนงวดส่งมอบเดือนก.พ.พุ่ง 91 เซนต์หรือ 1.8% แตะที่ 50.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 15-16 ธ.ค.ปีพ.ศ. 2551 ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลงต่อไปอีกเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังพุ่งสูงขึ้นจากกระแสคาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะปรับตัวสูงขึ้น โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐอาจปรับตัวสูงขึ้น 900,000 บาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ม.ค. จากระดับ 318.7 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นก่อนหน้านี้ หลังจากที่โอเปคปรับลดกำลังการผลิตและกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง
ด้านอดัม ซีมินสกี้ นักวิเคราะห์จากดอยช์ แบงก์ เอจี กล่าวว่า "เรายังคงเผชิญกับภาวะวิกฤต และแน่นอนว่าปัญหาสำคัญที่สุดคือประเด็นด้านเศรษฐกิจ"