สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน และน้ำมันกลั่นที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงปริมาณการใช้พลังงานในสหรัฐที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 7.48 น.ตามเวลาในสิงคโปร์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.พ.ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกเคลื่อนไหวแตะที่ 42.37 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากร่วงลงหนักสุด 39 เซนต์ แตะที่ 42.24 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิ่งลง 5.95 ดอลลาร์ หรือ 12% ไปอยู่ที่ระดับ 42.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านสัญญาน้ำมันเบนซินงวดส่งมอบเดือนก.พ.ขยับลง 11.28 เซนต์ หรือ 9.5% ปิดที่ระดับ 1.0764 ดอลลาร์/แกลลอนในนิวยอร์ก ส่วนน้ำมันฮีทติ้ง ออยล์งวดส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 8.32 เซนต์ หรือ 5.1% ปิดที่ 1.5431 ดอลลาร์/แกลลอน
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนก.พ.ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนรูดลง 4.67 ดอลลาร์ หรือ 9.2% อยู่ที่ 45.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้น 6.68 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 325.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.33 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 211.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้น 1.79 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 137.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะสูงขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน ปริมาณการใช้น้ำมันโดยเฉลี่ยของสหรัฐในรอบ 1 เดือนที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 20.1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลง 2.9% จากปีที่แล้ว โดยยอดนำเข้าน้ำมันดิบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 13% แตะที่ 10.5 ล้านบาร์เรล/วัน
ฟิล ไฟลน์ นักวิเคราะห์จาก Alaron Trading Corp. ในชิคาโก้กล่าวว่า "สหรัฐมีปริมาณน้ำมันสำรองในระดับที่สูงมาก และมีความเป็นไปได้ว่า ปริมาณน้ำมันอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะอุปสงค์ที่ปรับตัวลดลง "