สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 93 เซนต์เมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะถดถอยชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินที่พุ่งขึ้นเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 93 เซนต์ ปิดที่ 41.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.18 เซนต์ ปิดที่ 1.0882 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.35 เซนต์ ปิดที่ 1.5196 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.พ.ร่วง 1.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ไมเคิล ลินช์ นักวิเคราะห์จากบริษัท สตราเทจิก เอนเนอร์จี แอนด์ อิโคโนมิก รีเสิร์ช กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ถดถอยลงส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย แม้มีข่าวว่าอิสราเอลและลาบานอนเปิดฉากการสู้รบกันเมื่อวานนี้ก็ตาม นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบและเบนซินที่พุ่งขึ้นเกินคาดยังสะท้อนให้เห็นว่าชาวสหรัฐลดการใช้พลังงานลงอย่างมาก
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ม.ค.พุ่งขึ้น 6.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 325.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์ เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 137.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 211.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.1% สู่ระดับ 84.6%
ลินช์กล่าวว่า กระแสความวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังปกคลุมไปทั่วตลาดน้ำมันนิวยอร์ก นับตั้งแต่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลง 693,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่ลดลง 476,000 ตำแหน่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
เจพีมอร์แกน คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้นั้น จะร่วงลง 500,000 ราย ซึ่งจะทำให้ตัวเลขจ้างงานตลอดปี 2551 ลดลงสู่ระดับ 2.4 ล้านคน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 60 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี