สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.88 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้นและกลุ่มโอเปคปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบในปีนี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินที่พุ่งขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 35.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 33.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ดีดขึ้น 2.4 เซนต์ ปิดที่ 1.4871 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ลดลงแตะระดับ 1.1742 ดอลลาร์/แกลลอน
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า "ภาวะกระทิงในตลาดน้ำมัน NYMEX สิ้นสุดลงแล้ว นับจากนี้สัญญาน้ำมันจะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานและยอดค้าปลีกในสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนัก"
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 10 ม.ค.อยู่ที่ระดับ 524,000 คน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 500,000 คน ซึ่งการเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่กระทรวงรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ปี 2551 ที่ร่วงลง 524,000 ตำแหน่ง ทำให้ตัวเลขว่างงานโดยรวมตลอดปี 2551 พุ่งขึ้นเป็น 2.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
กลุ่มโอเปคคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2552 จะลดลง 180,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ประธานาธิบดี ฮูโก ชาเวซ ของเวเนซูเอลา กล่าวว่า กลุ่มโอเปคอาจลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก เพื่อผลักดันให้ราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาลงมาอย่างต่อเนื่อง ให้ดีดตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ยุติธรรม หลังจากที่การตัดสินใจลดการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วันของที่ประชุมโอเปคเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมากนัก
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX ยังคงได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 9 ม.ค.พุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล หลังจากที่พุ่งขึ้น 6.7 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล พุ่งขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล