สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ปิดพุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงและดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับตัวเลขกำไรที่ดีเกินคาดของไอบีเอ็ม โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบไต่ขึ้นจากการร่วงลงในช่วงเช้าเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Stock Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 2.71 ดอลลาร์ หรือ 6.64% แตะที่ 43.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 1.1738 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้นแตะระดับ 1.386 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทอม โคลซา นักวิเคราะห์จากบริษัท ออยล์ไพรซ์ อินฟอร์เมชัน เซอร์วิส กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบเดือนมี.ค.ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเพราะได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ หลังจากมีรายงานว่าที่ประชุม G7 จะหยิบยกเรื่องเงินปอนด์อ่อนค่ามาเป็นประเด็นหลักในการหารือ
"นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 270 จุด หลังจากไอบีเอ็มเปิดเผยว่าผลกำไรไตรมาส 4 ปี 2551 พุ่งขึ้น 12% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นเช่นกัน รวมถึงหุ้นแอปเปิ้ลและหุ้นอินเทล" โคลซากล่าว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดี (เหตุที่ต้องเลื่อนการเปิดเผยออกไป 1 วันเพราะวันจันทร์ที่ 19 ม.ค.เป็นวันหยุดราชการในสหรัฐ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเฮร์ คิง) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ติดตามดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลบารัค โอบามา โดยทิโมธี ไกธ์เนอร์ ว่าที่รมว.คลังสหรัฐ เรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเขามองว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญว่าจะปฏิรูปโครงการฟื้นฟูมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการไหลเวียนในตลาดสินเชื่อมีมากพอที่จะกระตุ้นกลไกตลาดให้กลับมาทำงานตามปกติ
ประธานาธิบดี ฮูโก ชาเวซ ของเวเนซูเอลา กล่าวว่า กลุ่มโอเปคอาจลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก เพื่อผลักดันให้ราคาน้ำมันให้ดีดตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ยุติธรรม หลังจากที่การตัดสินใจลดการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วันของที่ประชุมโอเปคเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมากนัก ขณะที่โอเปคคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2552 จะลดลง 180,000 บาร์เรลต่อวัน