สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรเพราะมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่ภาคการธนาคารทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยง นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับแรงหนุนจากมอร์แกน สแตนลีย์ และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ที่คาดการณ์ว่าทองคำมีแนวโน้มทะยานขึ้นต่อเนื่อง
สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 858.58 ดอลลาร์/ออนซ์ บวก 8.70 ดอลลาร์ เคลื่อนตัวในช่วง 843.50-863.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 11.365 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.00 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 934.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 184.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 40.00 เซนต์
แคทเธอรีน วีร์กา นักวิเคราะห์จากซีพีเอ็ม กรุ๊ป กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรสัญญาทองคำหลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีพ.ศ.2555 เพราะได้รับแรงหนุนจากความต้องการโลหะมีค่าที่พุ่งสูงขึ้นและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง เนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกกระตุ้นงบประมาณการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
มอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในระดับเฉลี่ย 900 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 20% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 750 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนั้นราคาจะเคลื่อนไหวที่ระดับเฉลี่ย 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีพ.ศ. 2553, 1050 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2554 และ 1,075 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีพ.ศ. 2555 ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ถึง 34%
ขณะที่ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกเพราะเชื่วอ่าสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวลง เนื่องจากปริมาณสกุลเงินดอลลาร์ในระบบปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากรัฐบาลทั่วโลกกระตุ้นงบประมาณการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และล่าสุดบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมใช้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 8.50 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประกาศใช้ที่ 7 แสนล้านดอลลาร์