หนังสือพิมพ์ย่างกุ้งไทมส์รายงานว่า พม่าตั้งเป้าส่งออกข้าวจากสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำอิรวดีในปริมาณ 500,000 ตันในช่วงปีงบการเงิน 2551-2552 ซึ่งสิ้นสุดณเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยศูนย์กลางสถิติแห่งชาติระบุว่าในช่วงปีงบการเงิน 2550-2551 พม่ามีรายได้จากการส่งออกข้าวจากลุ่มแม่น้ำอิรวดีถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากเป้าหมาย 500,000 ตันนี้ พม่าส่งออกข้าวไปยังแอฟริกาใต้ 101,235 ตัน, สิงคโปร์ 11,908 ตัน, ศรีลังกา 8,007.85 ตัน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2,499.7 ตัน, เกาหลีใต้ 1,500 ตัน และอียิปต์ 1,197.7 ตัน
ทั้งนี้ พม่าส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 90,000 ตันในระยะเวลาเกือบ 2 เดือนนับตั้งแต่เริ่มปลูกข้าวในเดือนพ.ย. หรือ 6 เดือนหลังพม่าถูกพายุไซโคลนนาร์กีสพัดถล่ม
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ปัจจุบันพม่าขายข้าวได้ในราคา 260 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 220 ดอลลาร์ต่อตันเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า พม่าส่งออกข้าว 358,500 ตัน มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ 2550-2551 ส่วนยอดส่งออกในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน (เม.ย.- ธ.ค.) ทะยานแตะ 150,000 ตัน แม้ประเทศจะถูกพายุนาร์กีสถล่มก็ตาม
โดยข้าวกว่า 101,235 ตันจากยอดส่งออกทั้งหมดถูกส่งไปยังแอฟริกาใต้ 11,908 ตันไปยังสิงคโปร์ 8,007.85 ตันไปยังศรีลังกา 2,499.7 ตันไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1,500 ตันไปยังเกาหลีใต้ และ 1,197.7 ตันไปยังอียิปต์
รัฐบาลพม่ากระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรเร่งส่งออกข้าวให้มากกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่าพม่ามีพื้นที่เพาะปลูกเพียงพอ
ทั้งนี้ ในปี 2550 พม่าปลูกข้าวได้ 30 ล้านตันจากพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 7.6 ล้านเฮคเตอร์ แต่มีข้าวเพียง 20,000 ตันเท่านั้นที่ถูกส่งออกไปต่างประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน