สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ, บริษัทเอกชนลดการจ้างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคของชาวอเมริกันถดถอยลง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลว่าจะฉุดตั้งตัวเลขการใช้จ่ายด้านพลังงานให้ทรุดตัวลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 4.15 ดอลลาร์ หรือ 9.08% ปิดที่ 41.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 41.41-47.49 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 5.25 เซนต์ ปิดที่ 1.3745 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลบ 4.46 เซนต์ แตะที่ 1.1085 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 3.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
ไมค์ ซาเร็มบ์สกี้ นักวิเคราะห์จากออพชั่นส์เอ็กซ์เพรส กล่าวว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลต่อข่าวการปลดพนักงานของบริษัทเอกชน โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสมาคมธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) บ่งชี้ว่า บริษัทเอกชนทั่วโลกมีแนวโน้มจะลดการจ้างงานลงอีกในอีก 6 เดือนข้างหน้า
รายงานระบุว่าไมโครซอฟท์เตรียมลดพนักงาน 5,000 คนในอีก 18 เดือนข้างหน้า ขณะที่อินเทล คอร์ป เตรียมลดคนงานด้านการผลิต 6,000 คน และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เตรียมลดพนักงาน 1,000 คน ขณะที่บริษัท แคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ และโฮม ดีโปท์ เปิดเผยว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ทางบริษัทจะปลดพนักงานอย่างน้อย 74,000 คน เนื่องจากยอดขายทรุดตัวลงและเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
บริษัท ซีเมนส์ เอจี ได้ประกาศแผนลดต้นทุน 1.2 พันล้านยูโรภายในปี 2553 ด้วยการลอยแพพนักงาน 16,750 ตำแหน่ง เนื่องจากส่วนต่างกำไรของบริษัทยังอยู่ในระดับที่เท่ากับคู่แข่งอย่างเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ขณะที่บริษัท ไอเอ็นจี กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดทุนก่อนหักภาษีซึ่งไม่นับรวมยอดขายและรายได้พิเศษ อาจสูงถึง 3.3 พันล้านยูโร หรือ 4.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทเตรียมปลดพนักงาน 7,000 คน ซึ่งจะทำให้บริษัทต้องลดการใช้จ่ายด้านการดำเนินงานลง 1 ล้านยูโรในปี 2552
นอกจากนี้ ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ๆของสหรัฐซึ่งจัดทำโดย Standard & Poor`s/Case-Shiller ร่วงลงแตะหนักสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18.2% ในไตรมาส 4 ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น
นักลงทุนจับตาดูข่าวที่ว่าประธานกลุ่มโอเปคอาจจัดประชุมก่อนเดือนมี.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล