กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 23 ม.ค.พุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรล แตะที่ 338.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1 ล้านบาร์เรล แตะท่ 144.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 100,000 บาร์เรล แตะที่ 219.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันลดลง 0.8% เหลือเพียง 82.5%
สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐอาจร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายปีในระดับสูงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2523 นอกจากนี้ EIA ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐและตลาดโลกสำหรับปีพ.ศ.2552 ด้วย สำนักข่าวเอพีรายงาน