สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.16 แสนล้านดอลลาร์ของบารัค โอบามา โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแม้กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้น 58 เซนต์ ปิดที่ 42.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ แตะที่ 1.18 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 1.42 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากเอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามาจะกระตุ้นการจ้างงานกว่า 4 ล้านตำแหน่ง อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายด้านพลังงานของกลุ่มผู้ผลิต โดยคาดหวังว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเห็นชอบอนุมัติมาตรการดังกล่าวและให้ประธานาธิบดีโอบามาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในช่วงกลางเดือนก.พ.
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โอบามาเดินทางไปยังแคปิตอล ฮิลล์ เพื่อโน้มน้าวสมาชิกพรรครีพับลิกันให้ยอมผ่านร่างมาตรการดังกล่าวและได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า "ชาวอเมริกันคาดหวังกับมาตรการฉบับนี้ พวกเขาต้องการให้เราร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผมไม่ได้คาดหวังเสียงสนับสนุนจากรีพับลิกันทั้ง 100% แต่ผมคาดว่าเราจะเอาเรื่องการเมืองทิ้งไว้ข้างหลังและเห็นแก่ผลประโยชน์ของชาวอเมริกันเป็นหลัก"
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบโดยไม่สนใจต่อข้อมูลของกระทรวงพลังงานสหรัฐที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 23 ม.ค.พุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรล แตะที่ 338.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 144.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 100,000 บาร์เรล แตะที่ 219.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันลดลง 0.8% เหลือเพียง 82.5%
บริษัท โคโนโคฟิลิปส์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 3.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2551 และจะลดพนักงาน 1,350 คน