สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพราะมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยรุนแรง โดยปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 928.40 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 903.10 - 931.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 12.5650 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ สัญญาทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดที่ 1.4685 ดอลลาร์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น 1.1 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 991.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 193.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์
วานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 3.8% ในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัว 0.5% ถือเป็นการปรับตัวลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 27 ปี ทั้งนี้แม้ตัวเลขจะดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กันไว้ว่าจะหดตัว 5.4% แต่นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าอาจเป็นส่งสัญญาณว่าไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า
ทั้งนี้ มีการประเมินว่าอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกประเภทจะปรับตัวลงไปพร้อมๆกับเศรษฐกิจที่ซบเซา อย่างไรก็ดีทองคำเป็นโภคภัณฑ์ที่ได้รับการยกเว้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย เนื่องจากมีมูลค่าที่สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบรรดาบริษัทเอกชนและการเลย์ออฟพนักงานที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
โดยวานนี้ ยังคงมีบริษัทปรับลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเอ็นอีซี ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็คทรอนิคส์ของญี่ปุ่น ที่เปิดเผยว่า บริษัทจะลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่อย่างน้อย 20,000 คนทั่วโลกภายในเดือนมีนาคม 2553 หลังจากที่เอ็นอีซีรายงานผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนล้านเยน (1.46 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.2551 ต่อจากสตาร์บัคส์, อีสต์แมน โกดัก, ออลเสตท และอีกหลายบริษัทที่ทยอยกันประกาศลดคนงานครั้งใหญ่ตลอดสัปดาห์นี้