ราคาน้ำมันทรงตัวอยู่เหนือระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้เมื่อสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอยลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนมี.ค.บวก 35 เซนต์ แตะ 40.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงกลางวันตามเวลาสิงคโปร์ หลังจากที่ร่วงลงกว่า 1.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 40.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อคืนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 72% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนก.ค. หลังวิกฤตการเงินสหรัฐลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก
"ผมคิดว่าทั่วโลกประเมินภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งนี้ต่ำเกินไป ซึ่งมันอาจย่ำแย่ได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ" นักวิเคราะห์ท่านหนึ่งกล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันอาจร่วงแตะ 28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ย่ำแย่ประกอบด้วย ตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่หดตัวลง 1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งถือว่าลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และตัวเลขการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างที่ลดลง 1.4% ในเดือนธ.ค.
เมซี่ส์ อิงค์ ธุรกิจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ ก็ประกาศปลดพนักงานกว่า 7,000 คน หรือ 4% ของพนักงานทั้งหมด หลังจากที่เพิ่งประกาศปิดสาขา 11 แห่งไปเมื่อไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา
แคททาพิลลาร์ อิงค์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ ก็เตรียมโละพนักงานอีก 2,110 คน หลังจากที่ประกาศปลดพนักงานไปถึง 20,000 คน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่อย่าง ไอบีเอ็ม คอร์ป ก็ประกาศลดพนักงานไปหลายพันตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว
ในขณะเดียวกัน สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหลังประชาชนลดการใช้รถยนต์ลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันของสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้