สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเพราะมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว รวมถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นและสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 967.50 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 25.30 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 974.90-937.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 14.010 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 38.50 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,098.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 37.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 217.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์
ภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 เดือน ราคาทองคำทะยานขึ้น 40% เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกหดตัวลง โดยเฉพาะตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2551 ของญี่ปุ่นที่หดตัวลง 12.7% ซึ่งหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 35 ปี
"เม็ดเงินจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดทองคำ ในขณะที่ตลาดหุ้นยังคงทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนเข้าซื้อทองกันมากขึ้นทั้งในรูปเหรียญทองคำและทองคำแท่ง และ ณ วันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนแลกเปลี่ยนทองคำรายใหญ่ของโลก ถือครองทองคำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 985.86 เมตริกตัน" เอลลิสัน ซู กรรมการผู้จัดการด้านโลหะมีค่าจากสแตนดาร์ด แบงค์ เอเชียกล่าว
ซูยังกล่าวด้วยว่า "สัญญาทองคำสามารถทะยานขึ้นฝ่าแนวต้านที่ระดับ 930-940 ดอลลาร์/ออนซ์ได้สำเร็จเมื่อหลายวันก่อน และทันทีที่ทองคำพุ่งขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 950 ดอลลาร์/ออนซ์ ก็มีแรงซื้อไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็ว"