สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 35 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังฉุดดีมานด์พลังงานให้ทรุดตัวลง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 31 เซนต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 34.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 34.16-36.22 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 3.95 เซนต์ ปิดที่ 1.1469 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.66 เซนต์ ปิดที่ 1.0652 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์จากคาเมรอน ฮาโนเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานชื่อดังในสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนยังคงขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องเพราะไม่มั่นใจว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้กลับมาขยายตัวได้ โดยเฉพาะเมื่ออลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า แผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ และติงว่ารัฐบาลสหรัฐยังพยายามไม่มากพอในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการสร้างบ้านในเดือนม.ค.ร่วงลง 16.8% เหลือเพียง 466,000 ยูนิตซึ่งเป็น ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และเฟดเปิดเผยตัวเลขการผลิตในภาคอุตสาหกรรมร่วงเกินคาด 1.8% ในเดือนม.ค.เพราะได้รับผลกระทบจากผลผลิตรถยนต์ที่ร่วงลงอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6% และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1%
บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (จีเอ็ม) ประกาศแผนปลดพนักงานอีก 47,000 ตำแหน่งทั่วโลกในปีนี้ พร้อมทั้งเปิดเผยถึงความจำเป็นในการขอกู้เงินจากรัฐบาลก้อนใหม่อีก 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อใช้เสริมสภาพคล่องให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งตัวเลขเงินกู้ดังกล่าวสูงกว่าที่ได้รับในปัจจุบันนี้ถึง 2 เท่า
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ (การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวล่าช้ากว่าปกติ 1 วันเนื่องจากวันจันทร์ที่ 16 ก.พ.เป็นวันหยุดเนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดาการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 400,000 บาร์เรล