จีนเตรียมทุ่มเงิน 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อรับซื้ออลูมิเนียมจากโรงถลุงเหล็กในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นอุตสาหกรรมเหล็กให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤตการเงินครั้งรุนแรง นับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression)
สำนักงาน State Reserve Bureau ของทางการจีนมีแผนจะซื้ออลูมิเนียมจำนวน 290,000 ตันในราคา 12,500-12,500 หยวน (1,829 ดอลลาร์) ต่อตัน โดยมีกำหนดส่งมอบในวันที่ 15 เม.ย.นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนได้ซื้อสินค้าโภคภัณฑ์หนักและเบาตั้งแต่อลูมิเนียมไปจนถึงถั่วเหลืองและน้ำตาลเพื่อหวังกระตุ้นราคาและรายได้ของสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากที่ภาคการส่งออกดิ่งลงหนักสุดในรอบเกือบ 13 ปีในเดือนม.ค.จากภาวะอุปสงค์ในสหรัฐและยุโรปที่ลดลง
โดยรัฐบาลกำลังใช้เงิน 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.7% ในปีนี้ซึ่งเป็นสถิติการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533
บอนนี่ หลิว นักวิเคราะห์จากบริษัท Macquarie Group Ltd.กล่าวว่า "รัฐบาลจำเป็นต้องทุ่มเงินช่วยเหลือผู้ผลิตเหล็กให้อยู่รอดได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้าย และเราคาดว่าทางการจีนจะซื้อเหล็กมากขึ้นอีกในอนาคต"
Macquarie Group ระบุว่า จีนอาจมีอลูมิเนียมสำรองภายในประเทศสูงสุดถึง 1 ล้านตัน โดยบริษัทอลูมิเนียม คอร์ป ออฟ ไชน่า ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของจีนจะจัดหาอลูมิเนียม 140,000 ตันในวันนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนได้ซื้อสังกะสีไปแล้ว 59,000 ตัน และซื้อข้าวโพดรวมถึงถั่วเหลืองไปหลายล้านตัน
ทั้งนี้ นอกจากเหล็กแล้วจีนยังเป็นผู้ซื้อทองแดงรายใหญ่ในตลาดโลก ซึ่งอดัม โรว์เลย์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Macquarie คาดว่า ทางสำนักงานอาจซื้อทองแดงเพิ่มขึ้นอีก 200,000-300,000 ตันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้หลังจากที่ได้ซื้อทองแดงจากชิลีและบางประเทศในยุโรปมาแล้ว 100,000 ตัน
ด้านนักวิเคราะห์จาก CRU กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของจีนในการซื้ออลูมิเนียมภายในประเทศวันนี้จะช่วยกระตุ้นราคาเหล็กในตลาดจีนให้สูงขึ้น แม้ว่าปริมาณการซื้อจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม ซึ่งราคาเหล็กที่สูงขึ้นนี้จะช่วยเอื้อให้มีการนำเข้ามากขึ้นตามมา หากราคาเล็กในตลาดโลหะมีค่าลอนดอนยังคงอยู่ในระดับต่ำ