สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปรปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่มีอยู่น้อยกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มมีมุมมองในแง่บวกว่า อุปสงค์เชื้อเพลิงจะกระเตื้องขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนเม.ย.ขยับขึ้น 9 เซนต์ แตะที่ระดับ 42.59 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสายวันนี้ หลังจากที่ปิดทะยานขึ้น 2.54 ดอลลาร์ปิดที่ 42.50 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนที่ผ่านมา
กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 20 ก.พ.เพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรล
ปีเตอร์ แมคไกวร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Commodity Warrants Australia ในซิดนีย์กล่าวว่า "ผมต้องการรอดูการเปิดเผยสต็อกน้ำมันในหลายๆสัปดาห์ เพื่อประเมินทิศทางของปริมาณน้ำมันในสต็อกจริงๆ"
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวท่ามกลางปัจจัยลบของข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้าย โดยสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนม.ค.ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี ขณะที่ห้างค้าปลีกสินค้าสุดหรูแซคส์ อิงค์ รายงานตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4 จากผลกระทบของบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลง เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่รายงานยอดส่งออกดิ่งลง 46% ในเดือนม.ค. ขณะที่ไต้หวันรายงานยอดขายที่ทรุดตัวลง 42%
"ข้อมูลเศรษฐกิจจากญี่ปุ่น เยอรมนี ยุโรปตะวันออก สหราชอาณาจักร และสหรัฐล้วนน่าหวั่นวิตกพอๆกันและยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นด้วย" แมคไกวร์ กล่าวทิ้งท้าย