สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังข้อมูลเศรษฐกิจในแง่ลบฉุดราคาน้ำมันให้ลดลงอีกครั้ง ทั้งที่เริ่มมีแนวโน้มว่าโอเปคจะสามารถควบคุมราคาน้ำมันในตลาดได้บ้างแล้ว หลังจากที่ลดกำลังการผลิตมานานหลายเดือน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวลดง 46 เซนต์ ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.82 เซนต์ ปิดที่ 1.265 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.97 เซนต์ ปิดที่ 1.28 ดอลลาร์/แกลลอน
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงถึง 6.2% ในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเลวร้ายสุดในรอบกว่า 25 ปี และแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะหดตัวเพียง 5.4% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น 2 วันติดต่อกันหลังรัฐบาลเปิดเผยว่ายอดนำเข้าน้ำมันลดลง
ด้านกลุ่มโอเปคยังคงลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเชื่อว่าโอเปคจะประกาศลดกำลังการผลิตอีกอย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรลในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 15 มี.ค.
ในขณะเดียวกัน บริษัท อาบู ดาบี เนชั่นแนล ออยล์ คอมพานี ก็ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันทุกประเภทสูงสุด 17% หลังจากที่ประกาศลดกำลังการผลิตไปแล้ว 10-15% เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มาตรการลดกำลังการผลิตอาจใช้ไม่ได้ผล เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกก็กำลังทรุดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัท ริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ด้านฟิล ฟลินน์ นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง คอร์ป กล่าวว่า "เรากำลังเผชิญกับภาวะอุปสงค์น้ำมันที่ร่วงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ และสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาสุดเป็นประวัติการณ์"