สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์แกว่งตัวลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 7,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2540 ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงพลังงานจะรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐรอบสัปดาห์ที่พุ่งสูงขึ้นในคืนนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 09:47 น.ตามเวลาสิงคโปร์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนเม.ย. เคลื่อนไหวแตะที่ระดับ 39.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ดิ่งลงหนักสุด 71 เซนต์หรือ 1.8% แตะที่ 39.44 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบดิ่งลง 4.61 ดอลลาร์ปิดที่ระดับ 40.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนเม.ย.ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนร่วงลง 61 เซนต์ หรือ 1.5% แตะที่ 41.60 ดอลลาร์/บาร์เรล และ ณ เวลา 09:48 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวที่ระดับ 41.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
เท็ตสึ เอโมริ นักวิเคราะห์จากบริษัท Astmax Ltd. ในกรุงโตเกียวกล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นส่งสัญญาณให้เห็นถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งรวมถึงภาคอุตสาหกรรมการเงินและธุรกิจอื่นๆ ขณะที่โรงกลั่นหลายแห่งไม่จำเป็นต้องเร่งผลิตน้ำมันออกมามากนัก เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำรองในสต็อกยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก"
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาจากเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลจากระดับ 351.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 750,000 บาร์เรลจากระดับ 215.3 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ราคาซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้ฉุดรั้งอุปสงค์สินค้าดังกล่าว