สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 9% เมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.73 ดอลลาร์ หรือ 8.96% ปิดที่ 45.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 41.04-45.76 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.ดีดขึ้น 3.49 เซนต์ ปิดที่ 1.2145 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.22 เซนต์ ปิดที่ 1.3816 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.42 ดอลลาร์ หรือ 5.54% ปิดที่ 46.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทอม โคลซา นักวิเคราะห์จาก Oil Price Information Service กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนาแน่น หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้นเหนือความคาดหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นแม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.พ.ลดลง 700,000 บาร์เรล แตะระดับ 350.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 143.3 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 215.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.7% แตะระดับ 83.1% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนอาจเพิ่มงบประมาณอีก 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางสังคม ซึ่งครอบคลุมถึงการสนับสนุนโครงการก่อสร้าง ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนรอบนี้จะกระตุ้นราคาวัตถุดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องตัวเลขจ้างงาน หลังจาก ADP Employer Services เปิดเผยว่า การจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐลดลง 697,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากลดลง 614,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของกระทรวงแรงงานสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะร่วงลง 650,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี
นักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) หลังจากอิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่ของโอเปคกล่าว่า โอเปคอาจตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตลงอีกครั้งในการประชุมวันที่ 15 มี.ค.นี้ หากราคาน้ำมันดิบยังร่วงลงอีก โดยปัจจุบันกลุ่มโอเปคสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ 40% ของผลผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก
นักวิเคราะห์จาก Sucden Research ในกรุงลอนดอนคาดว่า กลุ่มโอเปคจะลดกำลังการผลิตลงอีกอย่างน้อย 500,000 บาร์เรลต่อวัน หากราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล