สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดออสเตรเลียพุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังจากที่จีนเปิดเผยว่าจะเริ่มเดินหน้าเพิ่มการลงทุนในปีนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้น้ำมันมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 11:26 น. สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนเม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.5% แตะที่ระดับ 45.60 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่เมื่อวานราคาน้ำมันเคลื่อนไหวพุ่งขึ้น 3.73 ดอลลาร์ปิดที่ 45.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันไต่ระดับขึ้น 9% เมื่อวานนี้ หลังจากทางการเปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนเตรียมประกาศมาตรการฉบับใหม่เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากแผนการใช้เงิน 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่รายงานของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวานระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงเกินคาดเนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดกำลังการผลิต
ไมเคิล ลินช์ ประธานสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจและพลังงานเชิงกลยุทธ์กล่าวว่า "เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณที่ดีหลังจากที่ได้รับแต่ข่าวในแง่ลบมานานหลายสัปดาห์ ขณะเดียวกันเราก็เริ่มเห็นว่าการปรับลดการผลิตน้ำมันของโอเปคได้ส่งผลต่อสต็อกน้ำมันดิบบ้างแล้ว"
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.พ.ลดลง 700,000 บาร์เรล แตะระดับ 350.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
โดยสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 143.3 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 215.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.7% แตะระดับ 83.1% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%
ทั้งนี้นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเตรียมกล่าวรายงานต่อที่ประชุมสมัชชาประชาชนจีนหรือรัฐสภาจีนซึ่งจะมีการเปิดเผยถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ และจะเพิ่มการใช้จ่ายเงินในปีนี้เพื่อต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว