ลีโอ ดรอลลัส รองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพลังงานโลกคาดการณ์ว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะออกมาขัดขวางแผนการลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 15 มี.ค.นี้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ทำให้รายได้จากการขายน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้ว
ข้อมูลของบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่า แม้สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงไปแล้ว 70% เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 147 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ปีที่แล้ว แต่การที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นยังคงทำให้ซาอุดิอาระเบียมีอำนาจซื้อมากขึ้น
"ซาอุดิอาระเบียอาจพอใจกับราคาน้ำมันที่ระดับ 60-70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในปัจจุบันทำให้ซาอุดิอาระเบียตระหนักว่าราคาน้ำมันที่ระดับ 50 ดอลลาร์ก็พออยู่ได้แล้ว พวกเขาไม่ต้องการผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ และท่าทีดังกล่าวจะทำให้กลุ่มโอเปคทำอะไรไม่ได้มากนักในการประชุมวันที่ 15 มี.ค.นี้" ลีโอ ดรอลลัส รองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพลังงานโลกกล่าว ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจัดตั้งโดยชี้ค อาหมัด ซากี ยามานี อดีตรมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย
นอกจากนี้ ดรอลลัสคาดว่า กลุ่มโอเปคจะสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากการส่งออกน้ำมัน 4.28 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากที่เคยทำได้ในปีที่แล้วที่ 8.57 แสนล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังใกล้เคียงกับรายได้ในปีพ.ศ. 2548 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน