ปิแอร์ อองดูรองด์ ผู้บริหารบริษัท BlueGold Capital Management LLP ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ของอังกฤษ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้น 37% แตะที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 15 มี.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นการลดกำลังการผลิตครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีพ.ศ.2551 เพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมัน
"จนถึงขณะนี้กลุ่มโอเปคได้พร้อมใจกันลดกำลังการผลิต และคาดว่าพวกเขาจะเห็นพ้องให้ลดการผลิตลงอีกในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับ 60 ดอลลาร์ทันที" อองดูรองด์กล่าว
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดีดตัวขึ้น 13% ในช่วง 2 วันทำการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปคซึ่งผลิตน้ำมันได้กว่า 40% ของผลผลิตทั่วโลก อาจลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนนี้ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าดีมานด์พลังงานในปีนี้จะร่วงลงหนักสุดในรอบ 27 ปี และหลังจากสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 7.7% ในปีนี้ ซึ่งเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี
อองดูรองด์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้ และคาดว่ารัฐบาลและธนากลางทั่วโลกจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอีกหลายล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก ขณะที่มูลค่าในตลาดหุ้นทั่วโลกหายวับไปกว่า 31 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
"ในอีก 2-3 ปีข้างน้านี้เราจะได้เห็นภาวะเงินฝืด มากกว่าเงินเฟ้อ และคาดว่าการที่เศรษฐกิจโลกจะหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้นั้นต้องอาศัยเวลาอีกหลายปี โดยเฉพาะหากรัฐบาลไม่ใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพียงพอ" อองดูรองด์กล่าว
Hedge Fund Research ระบุว่า เฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกขาดทุน 19%โดยเฉลี่ยในปี 2551 ซึ่งถือเป็นปีที่ทำรายได้ต่ำสุดนับตั้งแต่ Hedge Fund Research เริ่มรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2533 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน