สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เตรียมเข้าร่วมประชุมกันที่กรุงเวียนนาในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหารือถึงข้อสรุปเรื่องการปรับลดเพดานผลิตน้ำมัน เนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงในตลาดโลกกำลังหดตัวลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 78 เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วง 16 เซนต์ ดอลลาร์ ปิดที่ 44.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์คาดว่าที่ประชุมโอเปคจะมีมติให้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกราว 500,000 ถึง 1ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่โอเปคได้รับมือกับอุปสงค์ที่ปรับตัวลดลงด้วยการลดเพดานการผลิตน้ำมันลง 500,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรป ซบเซาหนักสุดในรอบกว่า 60 ปี จากนั้นโอเปคก็ลดกำลังการผลิตลงอีก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. และ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. รวมแล้วโอเปคลดกำลังการผลิตไปแล้วทั้งสิ้น 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ฟิล ไฟลนน์ นักวิเคระห์จากบริษัทอลารอน เทรดดิ้ง คอร์ปกล่าวว่า "สถานการณ์ในตลาดน้ำมันยังถูกปกคลุมด้วยความไม่แน่นอน หากกลุ่มโอเปคไม่ยังไม่ปรับลดเพดานการผลิต ราคาน้ำมันก็จะดำดิ่งลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล"
ด้านสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ได้ปรับลดการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2552 เมื่อวานนี้ เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานในสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน
โดยไออีเอกล่าวว่า จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2525-2526 ที่อุปสงค์พลังงานลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยไออีเอคาดการณ์ว่า อุปสงค์ในปีนี้จะลดลง 270,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 84.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับความต้องการที่ระดับ 85.7 ล้านบาร์เรลในปีที่แล้ว
ไออีเอกล่าวว่า ปัจจัยหลักที่จะทำให้อุปสงค์พลังงานทั่วโลกกลับมาขยายตัวได้ตามปกตินั้น ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของบรรดาประเทศผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ ซึ่ง ณ เวลานี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้นมาแต่อย่างใด