สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร ส่งผลให้ความต้องการที่จะลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.อ่อนตัวลง 55 เซนต์ แตะที่ 51.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาส่งมอบเดือนเม.ย.หมดอายุลงในวันศุกร์ และเทรดเดอร์หันไปให้ความสนใจกับสัญญาส่งมอบเดือนพ.ค.ซึ่งปรับตัวขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 52.07 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนเม.ย.บวก 1.97 เซนต์ ปิดที่ 1.4570 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 2.71 เซนต์ ปิดที่ 1.3834ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับขึ้น 55 เซนต์ ปิดที่ 51.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
ไมเคิล ลินช์ ประธาน Strategic Energy & Economic Research กล่าวว่า ตลาดหันมาให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนตลาดในสัปดาห์นี้ และเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาอีก ราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลง แม้ว่าก่อนหน้านี้ตลาดจะดีดตัวสูงขึ้นมาก
ไมค วิทเนอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยน้ำมันของธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอนว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่เหนือระดับ 50 ดอลลาร์ไปตลอด เพราะเศรษฐกิจยังคงอ่อนตัวและความต้องการก็อ่อนตัวเช่นกัน
กระทรวงพลังงานสหรัฐเผยปริมาณการใช้น้ำมันลดลงไป 0.6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหลือ 18.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งวันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นมา ขณะที่สำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.94 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 353.3 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสำรองน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน