น้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่สิงคโปร์ ปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐมีแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหาจากธนาคารหลายแห่ง เพื่อป้องกันมิให้วิกฤตการเงินทรุดหนักไปมากกว่าที่เป็นอยู่
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนพ.ค.ทะยาน 45 เซนต์ สู่ระดับ 52.52 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงกลางวัน หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 52.07 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีที่แล้วที่ราคาน้ำมันรายสัปดาห์ปิดเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ดีลเลอร์หลายคนเชื่อว่าราคาน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกยังคงซบเซาเช่นเดิม
"ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นและนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ แต่ภาพรวมของน้ำมันยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากอุปสงค์น้ำมันยังคงซบเซาเช่นเดิม ดังนั้นราคาน้ำมันคงอยู่ในภาวะผันผวนต่อไป" วิคเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์พลังงานจากบริษัท Purvin & Gertz ในสิงคโปร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ชากิบ เคลิล รัฐมนตรีพลังงานของอัลจีเรีย คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งแตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในสิ้นปีนี้
ในขณะเดียวกัน เมอร์ริล ลินช์ ก็ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันเป็น 52 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ การที่โอเปคลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอย่างมากในช่วงนี้จะมีผลให้อุปทานน้ำมันลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจหนุนให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นในที่สุด สำนักข่าวเอพีรายงาน