สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.73 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) โดยในระหว่างวันสัญญาทะยานขึ้นแตะระดับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นเกือบ 500 จุดหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย และคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามาเปิดเผยแผนกำจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากงบดุลบัญชีธนาคาร
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 54.05 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนเม.ย.ดีดขึ้น 3.1 เซนต์ ปิดที่ 1.4881 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.73 เซนต์ ปิดที่ 1.4707 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 2.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ไมเคิล ลินช์ นักวิเคราะห์จาก Strategic Energy & Economic Research กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเดือนพ.ค.อย่างคับคั่งเพราะเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าภาคการเงินของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโอบามาเปิดเผยแผนกำจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากงบดุลบัญชีธนาคาร ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อคืนนี้ด้วย
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนก.พ.แตะระดับ 4.72 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9% แตะระดับ 4.45 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเริ่มรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2543
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล นับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และเพิ่มการรับซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจทรงตัว และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวเช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) นับตั้งแต่โอเปคมีมติคงเพดานการผลิตในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมีการประเมินสถานการณ์ในตลาดพลังงานอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 28 พ.ค.นี้ โดยปัจจุบันเพดานการผลิตน้ำมันของโอเปคอยู่ที่ 24.84 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีโอเปคบางคนส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนพ.ค.หลังจากการลดกำลังการผลิตในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมันได้