สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะได้ตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกิดคาด รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 53.70 52.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลงแตะระดับ 1.495 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 3.5 เซนต์ แตะที่ 1.4647 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ดิ่งลง 1.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 20 มี.ค.พุ่งขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 356.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 143.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 214.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 600,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.1%
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย และในระหว่างวันสัญญาน้ำมันดิบดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 51.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนก.พ.ของญี่ปุ่นร่วงลง 49.4% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับที่ร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523 และทรุดตัวลงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะรูดลง 47.6%
ก่อนหน้านี้ การปิโตรเลียมแห่งสหรัฐ (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 354.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 805,000 บาร์เรล แตะระดับ 216.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 142.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.4% แตะที่ 1.656 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสถิติที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2550 หลังจากยอดสั่งซื้อดิ่งลง 7.3% ในเดือนม.ค.
กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 4.7% แตะระดับ 337,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากยอดขายอยู่ที่ 322,000 ยูนิตต่อปีในเดือนม.ค. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงแตะระดับ 300,000 ยูนิต/ปี
นักลงทุนยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) นับตั้งแต่โอเปคมีมติคงเพดานการผลิตในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะมีการประเมินสถานการณ์ในตลาดพลังงานอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 28 พ.ค.นี้ โดยปัจจุบันเพดานการผลิตน้ำมันของโอเปคอยู่ที่ 24.84 ล้านบาร์เรล/วัน