สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียร่วงลงต่ำกว่าระดับ 49 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเที่ยงวันนี้ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอง 3 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจคือสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น หัวตัวลง ซึ่งทำให้ดีมานด์พลังงานลดลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาประเทศไทย สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนพ.ค.ดิ่งลง 1.23 ดอลลาร์ แตะที่ 48.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
จอห์น วอเทรน นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจาก Purvin & Gertz ในสิงคโปร์กล่าวว่านักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากหลังจากธนาคารโลกคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะติดลบ 1.7% ในปี 2552 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัวเพียง 2.1% ในปีนี้
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 8.1% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.จะร่วงลง 660,000 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนคนตกงานโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคน
กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2% แตะระดับ 82.2%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมโอเปคในวันที่ 28 พ.ค.นี้ หลังจากโอเปคมีมติคงเพดานการผลิตในการประชุมครั้งก่อนที่กรุงเวียนนา โดยปัจจุบันเพดานการผลิตน้ำมันของโอเปคอยู่ที่ 24.84 ล้านบาร์เรล/วัน