สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันก่อน แม้ว่าสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขว่างงานที่พุ่งสูงจนน่าเป็นห่วงก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับลง 13 เซนต์ ปิดที่ 52.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับขึ้นไม่ถึง 1 เซนต์ ปิดที่ 1.4460 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.บวก 2.26 เซนต์ ปิดที่ 1.4924 ดอลลาร์/แกลลอน
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าอัตราว่างงานพุ่งสู่ระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2526 โดยมีผู้ถูกเลิกจ้างงานทั้งหมดกว่า 663,000 ราย ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ก็เชื่อว่าอัตราว่างงานจะมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้
"หากอัตราว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นมาก ราคาน้ำมันก็ไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้" เจอร์ราร์ด ริกบีนักวิเคราะห์พลังงานจากบริษัท Fuel First Consulting ในซิดนีย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันก็ดีดตัวขึ้นจากระดับ 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้วได้มากพอสมควร แม้ในขณะเดียวกันสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐจะพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีก็ตาม
โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของประเทศปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2.8 ล้านบาร์เรล หรือ 0.8% ในช่วงสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2536 และเหนือกว่าระดับของปีที่แล้วถึง 15.5%
"พูดง่ายๆว่าเรากำลังว่ายอยู่ในน้ำมัน" สตีเฟน สคอร์ก เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ กล่าว "เนื่องจากอุปทานน้ำมันมีมากกว่าอุปสงค์หลายเท่า และผมเชื่อว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง"
"อย่างไรก็ตาม ตลาดเลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัจจัยลบดังกล่าว และหันไปยึดติดกับปัจจัยบวกอื่นๆแทน อย่างปัจจัยจากตลาดหุ้นหรือเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง" เขากล่าว