สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 53 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเที่ยงวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการรายงานผลประกอบการบริษัทเอกชนของสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อนำมาเป็นปัจจัยชี้นำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการน้ำมันในตลาดโลก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ แตะที่ 53.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันขยับลง 13 เซนต์ ปิดที่ 52.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับขึ้น 2.16 เซนต์ แตะระดับ 1.51 ดอลลาร์/แกลลอน และน้ำมันฮีทติ้ง ออยล์ไต่ระดับขึ้น 1.31 เซนต์มาอยู่ที่ 1.46 ดอลลาร์/แกลลอน
ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ในกรุงลอนดอนเพิ่มขึ้น 65 เซนต์ แตะที่ 54.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันเริ่มถีบตัวขึ้นจากระดับ 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยขณะนี้เทรดเดอร์กำลังพุ่งเป้าที่การเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการภาคเอกชน ซึ่งจะนำมาใช้เป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจช่วงไตรมาสแรก และเป็นปัจจัยที่ชี้นำทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆในช่วงไตรมาสที่สอง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายถูกปกคลุมด้วยกระแสคาดการณ์ในแง่บวก และราคาน้ำมันมีแนวโน้มเคลื่อนไหวเข้าสู่แนวรับที่ระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนที่จะลดลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ที่ผ่านไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำจากประเทศต่างๆเห็นตรงกันที่จะสกัดกั้นการใช้นโนบายกีดกันทางการค้าในยามที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติอัดฉีดเงินต่อสู้วิกฤตการเงินโลกอีกกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนไม่มีปฏิกิริยาต่อการรายงานตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ระบุถึงอัตราว่างงานเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี