สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) หลังจากที่สำนักงานข้อมูลพลังงาน (EIA) ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกลงเหลือ 84.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นลบทั้งข้อมูลราคาค้าส่งและตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวลงก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.อ่อนตัวลง 64 เซนต์ ปิดที่ 49.41 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.อ่อนตัว 0.56 เซนต์ ปิดที่ 1.4576 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.43 เซนต์ ปิดที่ 1.423 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.อ่อนตัวลง 18 เซนต์ ปิดที่ 51.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
EIA ยังคาดการณ์ด้วยว่า ความต้องการน้ำมันในสหรัฐปีนี้จะลดลง 1 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เหลือ 18.99 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินเกรดทั่วไปคาดว่า จะมีราคาโดยเฉลี่ยที่ 2.23 ดอลลาร์ต่อแกลลอนไปจนถึงเดือนก.ย.
รายงานของ EIA ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า ซึ่งอ่อนตัวลงมาแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหลังจากที่สำนักงานพลังงานสากลได้ลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกลงเช่นกัน โดยลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ EIA ยังคาดการณ์ด้วยว่า ช่วงฤดูการขับขี่ยานยนต์ในสหรัฐซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ถึง 30 ก.ย.นั้น ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินคาดว่า จะเพิ่มขึ้น 1% แตะ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดถึง 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปัญหาจากพายุเฮอร์ริเคนเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วทำให้ผู้ขับขี่ลดการซื้อน้ำมันลง
ฟิล ฟลินน์ จากอลารอน เทรดดิ้ง คอร์ป กล่าวว่า แม้ว่า EIA จะออกรายงานคาดการณ์และตลาดหุ้นนิวยอร์กก็อ่อนตัวลงนั้น การที่ตลาดเคลื่อนไหวในระดับนี้ได้ก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะตลาดได้เตรียมพร้อมรับมือข่าวร้ายมาพอสมควรก่อนหน้านี้แล้ว