สัญญาน้ำมัน NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2% ในช่วงเช้านี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด และหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจในบางภูมิภาคชะลอตัวในอัตราที่ช้าลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 2.1% แตะที่ 50.30 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับปิดที่ 49.25 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
เดวิด มอร์ นักวิเคราะห์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก Commonwealth Bank of Australia Ltd กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากรายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งทรุดตัวลงอย่างหนักตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยเฟด 5 ใน 12 เขตระบุว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลงในระดับปานกลาง ซึ่งถือว่าฟื้นตัวขึ้นจากก่อนหน้านี้ ขณะที่เฟดสาขาอื่นๆรายงานว่าอุตสาหกรรมบางประเภทเริ่มมีเสถียรภาพขึ้นแล้ว
เฟดกล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเมื่อพิจารณาจากยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 4.72 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9% แตะระดับ 4.45 ล้านยูนิต/ปี และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.พุ่งขึ้น 4.7% แตะระดับ 337,000 ยูนิตต่อปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะลดลงแตะระดับ 300,000 ยูนิต/ปี
ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบแม้สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 10 เม.ย.พุ่งขึ้น 5.6 ล้านบาร์เรล หรือ 1.6% แตะที่ 366.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วประมาณ 16.5% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ McGraw-Hill Cos.คาดว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันโลกจะปรับตัวลง 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 83.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำได้ฉุดความต้องการใช้น้ำมัน
ไออีเอได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปี 2552 ลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันแล้ว พร้อมกับคาดว่าเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในปีหน้า ซึ่งขัดแย้งกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า ความต้องการเชื้อเพลิงจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้