สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ดีเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยให้ดีมานด์พลังงานปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กคึกคักขึ้นหลังจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 73 เซนต์ ปิดที่ 49.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังงจากเคลื่อนตัวในช่วง 50.13-49.25 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.57 เซนต์ ปิดที่ 1.4725 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.04 เซนต์ ปิดที่ 1.4214 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทอม โคลซา นักวิเคราะห์จาก Oil Price Information Service กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพราะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยให้ดีมานด์พลังงานปรับตัวขึ้นด้วย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ภาคการผลิตในเขตมิด-แอตแลนติกหดตัวลงในเดือนเม.ย. แต่เป็นสถิติที่หดตัวในอัตราที่ช้าลง โดยดัชนีกิจกรรมภาคการผลิตอยู่ที่ -24.4 จุดในเดือนเม.ย. กระเตื้องขึ้นจาก -35.0 จุด ในเดือนมี.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ -32.0 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐในแง่สินทรัพย์ รายงานว่าธนาคารมีกำไร 2.14 พันล้านดอลลาร์ หรือ 40 เซนต์ต่อหุ้น ลดลง 10% จากระดับ 2.37 พันล้านดอลลาร์ หรือ 68 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 32 เซนต์
ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ รายงานผลกำไรไตรมาส 1 ปี 2552 ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.39 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากกำไรจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ได้ช่วยชดเชยการขาดทุนจากการปล่อยกู้ในภาคอสังหาริมทรัพย์
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลง 53,000 ราย แตะระดับ 610,000 ราย ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการจะอยู่ที่ 655,000 ราย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทออยล์ มูฟเมนท์ส คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ที่ไม่รวมแองโกลาและเอกวาดอร์ อาจจะส่งออกน้ำมันลดลง 560,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 พ.ค.
อย่างไรก็ตาม ภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยลบที่ทำให้บรรยากาศการซื้อขายค่อนข้างซบเซา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนมี.ค.ร่วงลง 10.8% แตะระดับ 510,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์