สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงติดต่อเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) เนื่องจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (swine flu) จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและจะทำให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของ API ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 22 เซนตื ปิดที่ 49.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลงแตะระดับ 1.3977 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลงแตะระดับ 1.3167 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 33 เซนต์ ปิดที่ 49.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน NYMEX เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 นอกจากนี้ ไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกได้แพร่กระจายไปยัง 7 ประเทศแล้วในขณะนี้ โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อแล้ว 64 ราย, นิวซีแลนด์ 11 ราย, แคนาดา 6 ราย, อังกฤษ 2 ราย, สเปน 2 ราย และอิสราเอล 2 ราย ส่วนที่เม็กซิโกมีผู้ติดเชื้อรวม 1,995 รายและยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 152 ราย
นอกจากนี้ ยังมีอีกกว่า 10 ประเทศที่พบว่ามีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสใหญ่เม็กซิโก รวมถึงเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศในละตินอเมริกาและยุโรป
ความวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบารัค โอบามาออกแถลงการณ์ขอให้ชาวอเมริกันอย่าตื่นตระหนกต่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และยืนยันว่าคณะทำงานเร่งดำเนินการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดเม็กซิโก รวมถึงการนำยาต้านไวรัสในคลังสำรองของรัฐบาลถึง 11 ล้านโดส หรือ 25% ออกมาแจกจ่ายให้รัฐต่างๆ เพื่อรับมือกับไวรัสไข้หวัดเม็กซิโกแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจาก API รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 เม.ย. สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 374.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้กว่า 2 เท่า ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 216 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.6 ล้าน บาร์เรล แตะระดับ 144.4 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 39.2 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 26.9 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 29.8 จุด
ขณะที่ ABC News เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -45 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ แม้ยังคงอยู่ในระดับที่ติดลบ เมื่อเทียบกับระดับ -47 ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันสำรองของสหรัฐซึ่งจะมีขึ้นในคืนวันพุธนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 300,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%