สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) หลังจากที่แกว่งตัวผันผวนตลอดช่วงการซื้อขาย หลังรัฐบาลสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณทั้งบวกและลบ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 15 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 51.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาราคาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 1.44 เซนต์ ปิดที่ 1.3147 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.58 เซนต์ ปิดที่ 1.4742 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 50.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากตลาดวอลล์สตรีทที่เดินหน้าขึ้นในช่วงเช้าขานรับข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่รายงานว่า จำนวนผู้ตกงานใหม่ที่ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการคนว่างงานลดลง 14,000 เหลือ 631,000 รายในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนีแกว่งตัวลดลงในช่วงบ่าย หลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาออกมาแถลงยืนยันในตอนเที่ยงว่า ไครสเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ตัดสินใจยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายต่อศาลภายใต้กฎหมายล้มละลายมาตรา 11 (Chapter 11) เพื่อเปิดทางให้มีการปรับโครงสร้างบริษัท ซึ่งรวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับ เฟียต กรุ๊ป เอสพีเอ ค่ายรถจากอิตาลี
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้รายงานว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้ว่าจะลดลงแค่ 0.1%
นอกจากนี้ วานนี้ บริษัทน้ำมันสหรัฐได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่เลวร้าย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ทรุดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีก่อน มาอยู่ที่ราว 50 ดอลลาร์ในปีนี้
เอ็กซอน โมบิล บริษัทน้ำมันรายใหญ่ เผยผลกำไรไตรมาสแรกทรุดลงถึง 58% จากปีก่อน แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าห้าปี ขณะที่มาราธอน ออยล์ คอร์ป เผยกำไรดิ่งลง 61% จากปีก่อน