สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 19 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 53.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.4 เซนต์ ปิดที่ 1.5722 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลงสู่ระดับ 1.4262 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 54.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทอม เบนซ์ นักวิเคราะห์ของบริษัทบีเอ็นพี พาริบาส์ คอมมอดิตี ฟิวเจอร์ส อิงค์ กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 300,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย
นักลงทุนจับตาดูอัตราว่างงานประจำเดือนเม.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) จะร่วงลงอย่างน้อย 600,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 5 เดือน และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสหรัฐยังคงถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคในวันที่ 28 พ.ค.นี้ หลังจากจายอับดุลเลาะห์ เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปคเปิดเผยว่า โอเปคจะลดปริมาณการผลิตในการประชุมครั้งนี้ หากราคาน้ำมันร่วงลงมากเกินไป
"ผมมั่นใจว่าหากราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากเกินไป โอเปคก็อาจตัดสินใจลดปริมาณการผลิตในการประชุมวันที่ 28 พ.ค.นี้ ที่ผ่านมานั้นหลายประเทศที่เป็นสมาชิกกลุ่มโอเปคต้องเลื่อนโครงการขุดเจาะน้ำมันออกไปเนื่องจากราคาร่วงลงอย่างหนัก" เลขาธิการโอเปคกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่อัลจีเรีย