กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 พ.ค.เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล แตะระดับ 375.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 7 ก.ย.ปีพ.ศ.2533 แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 212.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 700,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 146.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.6% แตะระดับ 85.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.ปีพ.ศ.2551
สต็อกน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่รัฐบาลสหรัฐประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย สำนักข่าวเอพีรายงาน