สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยในระหว่างวันสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 58 ดอลลาร์เป็นนครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือนหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ดีมานด์พลังงานไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือนที่ 58.57 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.75 เซนต์ ปิดที่ 1.6655 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้น 1.4 เซนต์ ปิดที่ 1.4852 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ แตะที่ 56.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคึกคักหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 พ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 600,000 บาร์เรล แตะระดับ 375.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
"สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดีมานด์พลังงานรุนแรงเท่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ แต่นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานประจำเดือนเม.ย.ในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย" ไฟน์กล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.ในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) จะร่วงลงอย่างน้อย 600,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 5 เดือน
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมโอเปคในวันที่ 28 พ.ค.นี้ หลังจากจายอับดุลเลาะห์ เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปคเปิดเผยว่า โอเปคจะลดปริมาณการผลิตในการประชุมครั้งนี้ หากราคาน้ำมันร่วงลงมากเกินไป และระบุว่าหลายประเทศที่เป็นสมาชิกกลุ่มโอเปคต้องเลื่อนโครงการขุดเจาะน้ำมันออกไปเนื่องจากราคาร่วงลงอย่างหนัก