ยอดผลิตน้ำมันของไนจีเรียร่วงลงกว่าครึ่งหลังการต่อสู้ระหว่างกองกำลังไนจีเรียกับกลุ่มกบฏที่ก่อความรุนแรงบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้ชาวบ้านหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย และอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
โอดีน อาจูโมโกเบีย รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน กล่าวว่า ปัจจุบันไนจีเรียผลิตน้ำมันได้เพียง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตสูงสุดถึง 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
โดยกองกำลังของรัฐบาลได้ใช้เรือปืนและเฮลิคอปเตอร์ต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่มีอาวุธอัตโนมัติและจรวดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตน้ำมันแห่งใหญ่สุดในไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศแอฟริกาที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุด เหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวทำให้ไนจีเรียส่งออกน้ำมันได้น้อยลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งเหนือระดับ 61.12 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว
"ปฏิบัติการของรัฐบาลแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนโนบายครั้งสำคัญ จากเดิมที่เคยใช้วิธีเจรจาอย่างสันติ" นัมดี โอบาซี นักวิเคราะห์จาก อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป กล่าว
พันเอกราเบ อาบูบาการ์ โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จนถึงตอนนี้กองกำลังของรัฐบาลได้ทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไปได้แล้วสองแห่ง ในขณะที่กลุ่มกบฏซึ่งใช้ชื่อว่า "ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์" (MEND) ได้สร้างความเสียหายให้กับท่อส่งน้ำมันสองจุดซึ่งเชื่อมกับศูนย์จ่ายน้ำมันของเชฟรอนซึ่งทำหน้าที่ส่งน้ำมันไปยังโรงกลั่นน้ำมันและโรงไฟฟ้าอีกหลายแห่ง นอกจากนั้นการที่กลุ่มกบฏขู่ว่าจะขวางกั้นการเดินทางของเรือบรรทุกน้ำมันยังหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งเหนือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน