นายชอกรี กาเน็ม ประธานการปิโตรเลียมแห่งลิเบีย คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ถึง 50% ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะลดโควต้าการผลิตในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การคาดการณ์ของนายกาเน็มสอดคล้องกับที่นายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า กลุ่มโอเปคจะลดโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้ และนายชากิบ เคลิล รมว.พลังงานอัลจีเรียที่คาดการณ์ว่า โอเปคจะลดโควต้าการผลิตด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะคงโควต้าการผลิตน้ำมันเป็นครั้งที่สองในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้โอเปคยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะลดปริมาณการผลิตในระยะนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าการตัดสินใจคงโควต้าการผลิตครั้งที่สองจะมีขึ้นในการประชุมโอเปควันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ค.นี้
ไมค์ วิทเนอร์ นักวิเคราะห์ด้านตลาดน้ำมันจากธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล เอสเอ กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นไปแล้ว 86% จากระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ทำสถิติไว้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งอาจทำให้โอเปคมองว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีน้ำหนักมากพอที่จะคงโควต้าการผลิตไว้ที่ 24.845 บาร์เรล/วัน"
"แม้สต็อกน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง แต่เราคาดว่าโอเปคจะยังไม่ลดโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลและยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับบวกลบไม่ต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ได้นั้น มีเหตุผลมากพอที่โอเปคจะยังไม่รีบลดการผลิต" วิทเนอร์กล่าว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.บวก 62 เซนต์ ปิดที่ 61.67 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง รวมถึงสถานการณ์การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฏในไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของแอฟริกา สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน