สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้มีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะยังไม่ลดโควต้าการผลิตในการประชุมสัปดาห์นี้ และแม้ว่ามีข่าวด้านลบออกมาหลายระลอกจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 63.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.93 เซนต์ ปิดที่ 1.8917 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.64 เซนต์ ปิดที่ 1.5617 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อข่าวในด้านลบของบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และยังเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจีเอ็มเปิดเผยว่าจำนวนผู้ถือตราสารหนี้ของบริษัทมีไม่มากพอตามข้อกำหนดในการสว็อปตราสารหนี้เป็นหุ้นสามัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าจีเอ็มมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายมากขึ้น ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นจีเอ็มดิ่งลงกว่า 20%
จิม ริทเทอร์บุช นักวิเคราะห์จาก Ritterbusch and Associates กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้ความสนใจต่อความเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคที่ออกมาส่งสัญญาณเป็นระยะๆว่าโอเปคอาจจะยังไม่ลดโควต้าการผลิต โดยล่าสุดนายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอารเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปคไม่จำเป็นต้องลดกำลังการผลิตน้ำมันเนื่องจากมีสัญญาณว่าดีมานด์พลังงานในเอเชียกำลังฟื้นตัว
นายอัล-ไนมี ยังกล่าวด้วยว่าดีมานด์พลังงานที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สต็อกน้ำมันดิบร่วงลง และเหตุผลที่โอเปคยังไม่เคลื่อนไหวในระยะนี้ก็เพราะดีมานด์และซัพพลายน้ำมันเสียสมดุลมาก และการลดกำลังการผลิตอีกก็ไม่สามารถทำให้ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปคจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันเป็นครั้งที่สองในการประชุมวันที่ 28 พ.ค.นี้เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้โอเปคยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะลดปริมาณการผลิตในระยะนี้
โดยนักวิเคราะห์ด้านตลาดน้ำมันจากธนาคารโซซิเอเต เจนเนอราล เอสเอ กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้นไปแล้ว 86% จากระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ทำสถิติไว้เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งอาจทำให้โอเปคมองว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีน้ำหนักมากพอที่จะคงโควต้าการผลิตไว้ที่ 24.845 บาร์เรล/วัน"
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.2%