กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจตรึงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันนี้ที่กรุงเวียนนาท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาพุ่งสูงสุดที่ระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลในปลายปีนี้
เจ้าหน้าที่กระทรวงน้ำมันจาก 5 ใน 12 ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปคกล่าวว่า พวกเขาจะลงมติให้คงเพดานการผลิตไว้ที่ระดับเดิมตามที่ประชุมกันเมื่อเดือนมี.ค. นอกจากนี้ จะผลักดันให้มีการผลิตน้ำมันสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปลายปีที่ผ่านมาให้ได้มากขึ้น
นายอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า "ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องลดกำลังการผลิต เพราะตลาดเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงอุปสงค์เชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้วในเอเชีย"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX งวดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.6% แตะที่ 63.43 ดอลลลาร์/บาร์เรลเมื่อวานนี้ โดยในระหว่างการซื้อขายราคาน้ำมันทะยานขึ้นแตะที่ 63.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา และในปีนี้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นแล้วกว่า 42% ซึ่งนั่นเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าราคาน้ำมันจะยังเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้นต่อไปในอนาคต
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของกลุ่มโอเปคก็แสดงความเห็นออกมาในทิศทางเดียวกันว่า ทางกลุ่มอาจไม่ปรับโควต้าการผลิตน้ำมันในที่ประชุมวันนี้ หลังจากที่ผ่านมากลุ่มประเทศสมาชิกต้องแข่งขันกันปรับลดกำลังการผลิตเพราะราคาน้ำมันเคลื่อนไหวไม่ถึงระดับ 70 - 75 ดอลลาร์/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม พอล ฮอร์สเนลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของบาร์เคลย์ แคปิตอลคาดว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 80 ดอลลาร์ จากแนวโน้มดีมานด์เชื้อเพลิงที่ขยายตัวแซงหน้าซัพพลายในตลาด