AFET ครบ 5 ปีพอใจผลงานให้ความรู้ มุ่งหน้าเพิ่มปริมาณซื้อขายเพิ่ม-หาสินค้าใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 28, 2009 12:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

*สรุปผลงาน 5 ปีที่ผ่านมาของการก่อตั้ง AFET

"5 ปีที่ผ่านมา AFET เราทำหลายอย่างมาก โดยเฉพาะการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักลงทุน ผู้ประกอบการ รวมทั้งกลุ่มเกษตรกร จากที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ คนไม่เคยรู้เรื่องของอนุพันธ์เลย ไม่เคยรู้เรื่องตลาดล่วงหน้าเลย ใน 5 ปีเราก็สามารถสร้างให้คนเห็นว่าการซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรเป็นเครื่องมือในการลงทุนได้

เพราะแรกเริ่มนักลงทุนก็ยังวนอยู่กับเรื่องคำว่า"สินค้าเกษตร"แต่พอเราได้มีการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดสัมมนาแก่กลุ่มสหกรณ์การเกษตรต่างๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ทำให้เวลานี้บางสหกรณ์เริ่มมาเป็นวิทยากรหลักให้กับ AFET แล้วด้วย ด้านนักลงทุนต่างๆ ก็ให้ความสนใจในเรื่องของราคา เรื่องของการซื้อขายค่อนข้างมาก ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีในเรื่องของ Education"

*ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ในระดับที่น่าพอใจหรือยัง

"เรื่องของปริมาณการซื้อขายก็โตขึ้นมาเรื่อยๆ เพียงแต่ตอนนี้อยู่ในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ จากที่ช่วงปลายปี 51 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 500-600 สัญญา/วัน พอเดือนมกราคมทำท่าจะเงยหัวขึ้นก็มาเจอภาวะเศรษฐกิจตกต่ำพอดี ก็เลย Drop ลงมา แต่ตอนนี้ภาวะก็เริ่มฟื้นปริมาณการซื้อขายเริ่มกลับมา

อย่างไรก็ตามเป้าหมายปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 1 พันสัญญา/วันภายในปีนี้ ยังอยู่ในแผนงานของเรา เราพยายามทำอยู่ ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการจากประเทศในแถบภูมิภาคนี้เริ่มให้ความสนใจเรา มาคุย และก็มีที่มาลงทุน ซึ่งบางรายติดต่อมาโดยตรงเป็นผู้ประกอบการต่างประเทศ บางรายก็ติดต่อเข้ามาผ่านโบรกเกอร์จากต่างประเทศ

หรือบางรายที่เป็นผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้ายางพาราจากไทยก็เข้ามาซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงเริ่มมาทดสอบกำลังของตลาดเราว่าเรื่องการรับมอบส่งมอบเป็นยังไง และก็ค่อยๆเพิ่มปริมาณการซื้อขายในตลาดเรา กลุ่มนี้เข้ามาในลักษณะลงทุนระยะยาว เพราะมีการวางแผนไว้แล้วว่าแต่ละเดือนต้องใช้สินค้าเท่าไหร่ แล้วค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ ถึงเวลาต้องออกก็ปิดสถานะออกไป

ถ้ามีนักลงทุนลักษณะนี้เข้ามาเรื่อยๆ และแนวโน้มเศรษฐกิจไม่มีอะไรเป็นปัจจัยลบมากดดันอีก ภาครัฐให้การสนับสนุนประมูลสินค้าเกษตรชนิดต่างๆ ผ่าน AFETเป้าหมายการซื้อขายเฉลี่ย 1 พันสัญญา/วันทำได้แน่ๆ จากที่ได้คุยกับสมาคมการค้าต่างๆ แล้ว หวังว่าปลายปีนี้น่าจะได้เห็นการซื้อขายวันละ 1 พันสัญญา"

*เมื่อไหร่จะเริ่มการซื้อขายในรูปเงินดอลลาร์

"คงต้องดูความพร้อมหลายๆ เรื่อง รวมทั้ง Infrastructure ขององค์กรด้วย"

*ให้คะแนนองค์กรระดับไหน A, B, C, D

"ไม่กล้าให้คะแนนตัวเองเลย ไม่ให้ดีกว่า เกิดน้อยไปมากไปจะดูไม่ดี แต่อยากเรียนว่าเรามีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะให้ภาครัฐเข้ามาใช้ประโยชน์จาก AFET เราก็ต้องสร้างความพร้อมขององค์กรภายใน เช่น ปรับปรุงเงื่อนไขในสัญญา อาทิ ปรับปรุงเงื่อนไขสัญญามันสำปะหลังให้เป็น Both Options เพราะภาครัฐจะเอามันสำปะหลังมาเทรดผ่าน AFET ซึ่งตอนนี้เงื่อนไขต่างๆ เสร็จแล้ว กำลังจะขออนุมัติจากคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรเร็วๆนี้ คาดว่าภายในไม่กี่เดือนนี้คงจะนำมาเข้ามาซื้อขายได้"

*กำลังศึกษาสินค้าชนิดใหม่ คาดนำมาซื้อขายปลาย Q3/52

"เรื่องกุ้งคงอีกระยะนึง แต่ที่จะนำมาเป็นชนิดใหม่อยู่นอกกลุ่มยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง ตอนนี้กำลังคุยกับบางอุตสาหกรรมอยู่ แต่มันยังไม่จบเลยไม่กล้าบอก น่าจะได้เห็นสินค้าใหม่เข้ามาเทรดได้ประมาณปลายไตรมาส 3 ปีนี้"

*ผลการดำเนินงาน Q1/52

"ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปี 52 ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมีเรื่องโควต้าการส่งออกยางที่ทำไว้ร่วมกัน 3 ประเทศระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียก็เกิดความไม่แน่ใจเรื่องความสามารถในการส่งออก เนื่องจากเป็น FOB Contract

ประการที่สอง เกิดจากความไม่แน่นอนทางภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คนไม่กล้าลงทุน ตอนนั้นคนได้แต่จ้องๆ มองๆ แทบจะทุกตลาด เพราะอยากจะ Save เงินไว้ แต่ในอีกแง่มุมนึงคนก็ที่มีความต้องการลงทุน แต่ภาวะการลงทุนในตลาดอื่นๆ ไม่ชัดเจน ก็มองมาที่เราเพราะเป็นสินค้าที่มีพื้นฐานในความเป็นสินค้าเกษตร และเป็นตลาดซื้อขายล่วงหน้าด้วย

จากเหตุผลเหล่านั้นทำให้ปริมาณการซื้อขายเรา Drop ลงมา จากเดือนธันวาคมปี 51 ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 600 สัญญา/วัน เดือนมกราคม 700 สัญญา/วันน แต่พอเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมทรุดลงมาเหลือ 200 สัญญา/วัน แต่พอเข้าเดือนเมษายนก็เริ่มกระเตื้องขึ้นแล้ว"

*คาดราคายางเฉลี่ยยาง RSS3 ปีนี้อยู่ระหว่าง 50-60 บาท/กก.

"ถ้าไม่มีเหตุการร์อะไรเข้ามากดดันอีก คาดว่าปีนี้ราคายางพาราเฉลี่ยน่าจะอยู่ประมาณ 50-60 บาท/กก.หลังจากราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น โดยเฉพาะค่าเงินเยน หลังจากก่อนหน้านี้ค่าเงินเยนแข็งมากแต่ตอนนี้ก็เริ่มอ่อนตัวลงมาบ้างแล้ว ก็หวังว่าจะไม่มีปัจจัยลบรุนแรงเข้ามาอีก"

*มองอนาคตปีที่ 10 AFET จะเป็นอย่างไร

"อีก 5 ปีข้างหน้าหรือเข้าสู่ปีที่ 10 AFET คงจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้จากที่ปัจจุบันยังต้องอาศัยงบประมาณจากภาครัฐเข้ามสนับสนุนการทำงานขององค์กร โดยปีนี้ AFET ได้รับงบประมาณลดลงจากประมาณ 119 ล้านบาทในปี 51 ซึ่งก็จะพยายามใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยคาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าปริมาณการซื้อขายในตลาด AFET คงจะเพิ่มขึ้นในอีกระดับหนึ่งที่จะทำให้เราก้าวไปสู่มาตรฐานของสากลมากขึ้น เพราะตอนนี้เราทำทุกอย่างให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศสนใจ มีตลาดล่วงหน้าหลายแห่งในต่างประเทศอยากมาเป็นพันธมิตรพัฒนาความร่วมมือด้านการซื้อขายร่วมกัน ต่างฝ่ายต่างสร้างมูลค่าด้วยกันได้"

แท็ก เกษตรกร   AFET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ