สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 66 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) เนื่องจากตลาดมองเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐไตรมาส 1 หดตัวลงต่ำกว่าคาดการณ์ ประกอบกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 66.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 64.68 - 66.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 2.05 เซนต์ ปิดที่ 1.931 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 4.05 เซนต์ ปิดที่ 1.6419 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 65.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐไตรมาส 1 ที่หดตัวลง 5.7% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่คาดว่า จะหดตัว 6.1%
อดัม ไซมินสกี เจ้าหน้าที่ของดอยช์ แบงค์ กล่าวว่า นักลงทุนมองว่า เศรษฐกิจเคลื่อนตัวผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ดังนั้น เหล่านักลงทุนจึงดาหน้าหาทางลงทุนในสินทรัพย์ที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงยังทำให้นักลงทุนเดินหน้าเข้าหาตลาดน้ำมันที่มีการตั้งราคาเป็นเงินดอลลาร์ เมื่อค่าเงินดอลลาร์ตกลง ราคาสัญญาจึงถูกลงกว่าเดิมด้วยเช่นกัน