สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) โดยสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 68 ดอลลาร์/บาร์เรลเพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ ข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งของจีนให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจะทำให้ดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นมา
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 1.915 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 9.89 เซนต์ ปิดที่ 1.7765 ดอลลาร์/แกลลอน
สตีเฟ่น ชอร์ค บรรณาธิการนิตยสารด้านพลังงานของ Schork Report กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะทรุดตัวลงรุนแรงสุในรอบเกือบ 10 ปี โดยดัชนียอดสั่งซื้อของผู้จัดการโรงงานประจำเดือนพ.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53.1 จุด ซึ่งดัชนีที่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมยังคงมีการขยายตัว หลังจากเดือนเม.ย.ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 53.5 จุด
"ภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวติดต่อกันนานถึง 3 เดือนสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวสวนทางกับประเทศอื่นๆทั่วโลก และภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวขึ้นหมายความว่าดีมานด์พลังงานต้องเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเหนือระดับ 68 ดอลลาร์ ภาคการผลิตที่ขยายตัวขึ้นสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ของนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า กำลังใช้ได้ผล" ชอร์คกล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้ปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงขึ้นสูงสุด 8% ในวันนี้ หลังจากที่ได้ขึ้นราคาเชื้อเพลิง 5% ไปเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาให้สอดคล้องกับทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศเรียกเก็บค่าน้ำมันจากผู้ค้าปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้น 400 หยวน/เมตริกตัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. ส่วนวันอังคาร สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)
ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานประจำเดือนพ.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.2% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 9% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 25 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่หดตัวลงทำให้แทบทุกภาคส่วนในสหรัฐลดการจ้างงาน