อีแวน ซูริตา ประธานบริษัท เนสเล่ เอสเอ ในบราซิล คาดการณ์ว่า ราคากาแฟ น้ำตาล ข้าวโพด และถั่วเหลือง จะปรับตัวขึ้นอีกในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตทั่วโลกไม่ได้เพิ่มการลงทุนด้านการผลิต ขณะที่ดีมานด์อาหารเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าปริมาณที่ผลิตได้
"เนสท์เล่คาดว่า เกษตรกรในประเทศที่ผลิตอาหารเป็นรายได้หลักจะเลื่อนการลงทุนด้านการผลิตออกไป เพราะขาดแคลนเงินทุนและมีมุมมองว่าการชะลอการผลิตจะช่วยสกัดกั้นการร่วงลงของราคา ถ้ากลุ่มผู้ผลิตเห็นว่าแนวโน้มยังไม่ดีขึ้น พวกเขาก็จะยังไม่ลงทุน แต่ประชาชนทั่วโลกยังต้องบริโภคอาหารเหล่านี้" ซูริตากล่าว ซึ่งเขาเป็นผู้บริหารเนสท์เล่ในบราซิลมากว่า 8 ปี หลังจากรับหน้าที่ผู้บริหารเนสเล่ในเม็กซิโกมากว่า 4 ปีก่อนหน้านั้น
ดัชนี Food & Fiber Index ของบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่า ราคาอาหารพุ่งขึ้นไปแล้ว 8.5% ในปีนี้ หลังจากเกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อทั่วโลก และการพุ่งขึ้นของราคาปุ๋ยส่งผลให้เกษตรในกลุ่มประเทศผู้ผลิตหลักๆต้องลดการผลิตลง
ซูริตายังกล่าวด้วยว่า ดีมานด์อาหารจะเพิ่มเร็วขึ้นหากเศรษฐกิจโลกขยายตัวขึ้น และกลุ่มผู้ผลิตจะต้องใช้เวลาในการผลิตยาวนานขึ้นด้วย โดยเนสท์เล่บราซิลซื้อกาแฟในอัตราปีละ 1.5 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 60 กิโลกรัม) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 8 ของอัตราการบริโภคในบราซิล
ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปแล้ว 29% ในปีนี้ เนื่องจากประเทศไทย อินเดีย และปากีสถาน ลดการผลิต ขณะที่ราคากาแฟปรับตัวขึ้น 24% เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าผลผลิตในบราซิลและโคลัมเบียจะลดลง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน