สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดต่ำลงเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากที่ดีดตัวขึ้นสูงกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย หลังจากที่มีการคาดการณ์มากขึ้นว่า ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับอัตราว่างงานเดือนพ.ค.ที่พุ่งสูงขึ้น 9.4%
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.อ่อนตัวลง 37 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 68.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ราคาได้พุ่งขึ้นสูงถึง 70.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนก.ค.อ่อนตัวลง 1.30 เซนต์ หรือ 0.78% ปิดที่ 1.7701 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 0.75 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1.9546 ดอลลาร์/แกลลอน
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.อ่อนตัวลง 37 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 68.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากมาหลายเดือน แม้ว่าสำรองจะอยู่ในระดับที่สูงก็จาม และยังมีการเก็งกำไรเข้ามาในตลาดในช่วงที่เงินดอลลาร์อ่อนค่า และดูเหมือนว่า ราคาเชื้อเพลิงจะทะยานขึ้นแซงหน้าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังมีความกังวลว่า ผู้บริโภคจะลดการใช้จ่ายลงมากกว่านี้
ทอม โคลซา หัวหน้านักวิเคราะห์น้ำมันของออยล์ ไพรซ์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส กล่าวว่า ทุกวันนี้ ราคาน้ำมันที่ปั๊มที่สูงขึ้นส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยาของประชาชนเช่นกัน และปีนี้ความรู้สึกดังกล่าวก็กลับมาอีกครั้ง ประชาชนคงไม่อยากจะออกเดินทางท่องเที่ยวมากนักในช่วงฤดูร้อน หากตัวเลขว่างงานยังคงดีดตัวสูงขึ้นและราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โกลด์แมน แซคส์ ได้คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ
อัตราว่างงานเดือนพ.ค.ที่ทะยานขึ้น 9.4% จากสถิติเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 8.9% บ่งชี้ว่า บริษัทต่างๆยังคงลังเลที่จะจ้างพนักงาน