สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) เนื่องจากภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ หลังจากสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานอาจทำให้ดีมานด์พลังงานลดลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 68.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 66.78 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.85 เซนต์ ปิดที่ 1.936 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เดือนก.ค.แตะระดับ 1.7679 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 67.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ไมเคิล ลินช์ นักวิเคราะห์จาก Strategic Energy & Economic Research กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายที่ซบเซาในตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานเดือนพ.ค.ที่พุ่งขึ้น 9.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.2%
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากมองว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือพ.ค.ปรับตัวลดลง 345,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 520,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐลดน้อยลงแล้ว
นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐ โดยเฉพาะยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ค.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจำเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 พ.ค.พุ่งขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 366 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล แตะระดับ 203.2 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.2% แตะระดับ 86.3%